

ลดน้ำหนักแบบไหนเหมาะกับคุณ?
ในยุคที่ปัญหา โรคอ้วน และภาวะน้ำหนักเกินส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การลดน้ำหนักอย่างจริงจังจึงเป็นเป้าหมายของหลายคน แต่สำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วยังไม่เห็นผล การรักษาทางการแพทย์ก็กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญ
“การผ่าตัดกระเพาะอาหาร” และ “การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร” เป็น 2 วิธีที่ได้รับความนิยม แต่มีความแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งในเรื่องกลไก ประสิทธิภาพ ผลข้างเคียง และการดูแลหลังทำ
การผ่าตัดกระเพาะอาหาร
หลักการคือ ลดขนาดกระเพาะอาหาร หรือเปลี่ยนเส้นทางการดูดซึมอาหาร ทำให้กินได้น้อยลง และร่างกายดูดซึมแคลอรีได้น้อยลงด้วย
- เหมาะกับผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงมาก หรือมีโรคร่วม เช่น เบาหวานรุนแรง
- ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก (โดยเฉลี่ยใน 6-12 เดือน) ผ่าตัดกระเพาะ ลดได้ประมาณ 25–35% ของน้ำหนักตัวเดิม
- ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะ
- ลดน้ำหนักได้มากและยั่งยืน
- ช่วยลดความเสี่ยงของโรคร่วม เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันสูง
- ปรับพฤติกรรมการกินอย่างถาวร
ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
ใส่บอลลูนซิลิโคนเข้าไปในกระเพาะอาหารผ่านการส่องกล้อง (ไม่ต้องผ่าตัด) แล้วเติมน้ำเกลือเข้าไปจนพองตัว ช่วยลดพื้นที่ในกระเพาะ ทำให้อิ่มเร็วขึ้น กินได้น้อยลง
- เหมาะกับผู้ที่มี BMI ปานกลาง – สูง และต้องการวิธีที่ไม่ผ่าตัด
- ประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก (โดยเฉลี่ยใน 6-12 เดือน) ใส่บอลลูน ลดได้ประมาณ 10–15% ของน้ำหนักตัวเดิม
- ข้อดีของการใส่บอลลูน
- ไม่ต้องผ่าตัด – ทำผ่านกล้อง ใช้เวลาไม่นาน
- พักฟื้นน้อย กลับบ้านได้ในวันเดียว
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการ “เริ่มต้นลดน้ำหนัก” ก่อนวางแผนระยะยาว
*การเลือกวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสมควรขึ้นอยู่กับ สุขภาพโดยรวม พฤติกรรมการกิน ความพร้อมของร่างกาย และคำแนะนำจากแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดหรือใส่บอลลูน ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี
โทร 02 734 0000
- Readers Rating
- Rated 4.8 stars
4.8 / 5 (Reviewers) - Spectacular
- Your Rating